ทำไม Speedify ถึงช่วยให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตดีขึ้น
Speedify ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาอินเทอร์เน็ตที่ไม่เสถียรและช้า โดยเฉพาะการใช้งานที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น การสตรีมวิดีโอ การประชุมผ่านวิดีโอ และการเล่นเกมออนไลน์ ซึ่งการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย เช่น Wi-Fi หรือเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ (4G/5G) มีโอกาสเกิดปัญหาความหน่วงสูง (latency) และสัญญาณไม่เสถียรเมื่ออยู่ไกลจากจุดเชื่อมต่อ
การเชื่อมต่อพร้อมกัน (Channel Bonding)
Speedify ทำงานโดยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกชนิดที่คุณมีพร้อมกัน เช่น Wi-Fi, สัญญาณมือถือ, สัญญาณดาวเทียม และ Ethernet จากนั้นจะรวมความเร็วและความเสถียรของแต่ละการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลให้ความเร็วในการดาวน์โหลดและอัพโหลดเร็วขึ้น รวมถึงลดความหน่วงของการเชื่อมต่อ (latency) และช่วยให้สัญญาณเสถียรยิ่งขึ้น
การเปรียบเทียบ Speedify กับ Multipath TCP (MPTCP)
Multipath TCP (MPTCP) เป็นโปรโตคอลที่ช่วยให้การส่งข้อมูลผ่าน TCP เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้การเชื่อมต่อหลายเส้นทาง แต่ Speedify นั้นถูกพัฒนามากกว่า MPTCP และมีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น:
-
จัดการหลายโปรโตคอลได้ (เช่น UDP): Speedify สามารถจัดการการเชื่อมต่อด้วยโปรโตคอลหลายแบบได้ ในขณะที่ MPTCP จะเน้นการใช้งานโปรโตคอล TCP เท่านั้น
-
การรักษาความปลอดภัย: Speedify มีการเข้ารหัสข้อมูลภายในตัวเอง (Native Encryption) เพื่อความปลอดภัยในการสื่อสาร
-
จัดลำดับความสำคัญของการเชื่อมต่อ (Connection Priority): Speedify สามารถให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อที่มีแบนด์วิดท์สูงกว่า หรือต้นทุนต่ำกว่าได้ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงสุด
-
การทำงานของ Speedify โปรโตคอลใหม่
Speedify จะทำการเปิดการเชื่อมต่อ TCP หลายช่องทางในเวลาเดียวกันผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกแบบที่ใช้งานอยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลสามารถส่งผ่านเส้นทางที่เร็วที่สุด และสามารถเปลี่ยนเส้นทางได้อัตโนมัติเมื่อพบปัญหาหรือการเชื่อมต่อมีปัญหา โดยแต่ละ TCP socket ที่เปิดไว้จะทำหน้าที่เหมือน "เลนจราจร" ในการส่งข้อมูลไปยังปลายทาง
หากมีการสูญหายของข้อมูล (Packet Loss) ในบางการเชื่อมต่อ Speedify จะพยายามส่งข้อมูลใหม่ผ่านเส้นทางที่ดีที่สุด โดยที่ช่องทางการส่งอื่นๆ จะไม่ถูกกระทบ ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานยังคงราบรื่นแม้เกิดปัญหา
ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของ Speedify
จากการทดสอบในห้องทดลองของ Speedify พบว่าโปรโตคอลใหม่ให้ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นในกรณีดังนี้:
-
การเชื่อมต่อที่รวดเร็วมาก: ช่วยให้การเชื่อมต่อที่ใช้ TCP เดียวไม่สามารถใช้แบนด์วิดท์ทั้งหมดได้
-
การเชื่อมต่อที่มีการสูญเสียแพ็กเก็ตสูง (Packet Loss): โดยเฉพาะการเชื่อมต่อแบบไร้สาย
-
การเชื่อมต่อที่มีความหน่วงสูง (High Latency): เช่น สัญญาณดาวเทียมหรือการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล
-
การเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ไกล: เช่น การใช้งานจากประเทศหนึ่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่อีกประเทศหนึ่ง
-
เปรียบเทียบการส่งข้อมูลแบบ TCP, MPTCP และ Speedify
การส่งข้อมูลด้วยโปรโตคอล TCP แบบธรรมดาจะใช้การเชื่อมต่อเส้นทางเดียวในการส่งข้อมูลไปยังปลายทาง หากมีการเชื่อมต่อหลายแบบ เช่น Wi-Fi และ 3G/4G จะใช้ได้เพียงแบบเดียวเท่านั้น แต่ MPTCP จะเปิดการเชื่อมต่อ TCP หลายเส้นทาง (subflow) ผ่านทุกการเชื่อมต่อที่มี และส่งข้อมูลผ่านทุกเส้นทางไปยังปลายทาง แต่ Speedify จะใช้โปรโตคอลของตัวเองที่ปรับปรุงจาก MPTCP เพื่อให้ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อดีขึ้นกว่าเดิม
สรุปง่ายๆ ว่า Speedify มีประสิทธิภาพที่สูงกว่า MPTCP เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในการจัดการการเชื่อมต่อหลายชนิดพร้อมกัน ปรับการเข้ารหัสข้อมูลให้ปลอดภัย และปรับการส่งข้อมูลได้อัตโนมัติตามสถานการณ์